จากจำนวนที่กล่าวมาทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่สุด ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร
ตั้งแต่ผู้จัดการชาวเยอรมัน เข้ามาคุมทีม “หงส์แดง” ในช่วงฤดูกาล 2015-16 เขาค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีม จากที่ไม่มีอนาคต และก็ความชัดเจน จนกระทั่งมาสู่ทีมที่มีเอกลักษณ์ ทั้งสไตล์การเล่น และก็ความมีตัวตน
เขาพาทีมเก็บแชมป์ครบทุกรายการหลัก ไล่มาตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ รวมทั้งสโมสรโลก
นอกเหนือจากความสำเร็จ ในรูปแบบโทรฟี่แชมป์ อีกหนึ่งสิ่งที่เขานำมาสู่สโมสรแห่งนี้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ความศรัทธา” แม้ว่าผลงานปัจจุบันของทีมจะตกลงไป แต่แฟนบอลส่วนใหญ่ยังมองว่า เขาจะพาสโมสรกลับสู่จุดที่ควรจะเป็น
คล็อปป์ ถือเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของอารมณ์ นั่นคือสิ่งที่เขานำมาประยุกต์ใช้กับการคุมทีมฟุตบอล หากคุณสังเกตสไตล์การคุมทีมข้างสนาม คุณจะพบความทุ่มเทที่เขามอบให้กับทีม
ความหลงใหลที่พุ่งพล่าน คือพลังงานที่คล็อปป์ แพร่กระจายไปทั่วสนาม แน่นอนว่า มันเป็นสิ่งที่สามารถพาทีมพลิกสถานการณ์ มานับครั้งไม่ถ้วน แทงบอลออนไลน์ UFABET
คล็อปป์ ออกมายอมรับปรัชญาด้านนี้ พร้อมกับมองว่า มันเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางอาชีพของตัวเอง โดยเขากล่าวว่า “ผมเป็นคนที่มีอารมณ์ร่วมสูง สิ่งไหนที่ผมรัก ผมจะทุ่มเทแบบสุดตัวในการลงมือทำมันอย่างเต็มที่”
ขณะที่ความกระตือรือร้นของเขา ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่สามารถส่งต่อกันได้ ดังนั้น ลูกทีมของคล็อปป์ จึงลงสนาม ด้วยอารมณ์ในแบบเดียวกับเจ้านาย
คล็อปป์ มักให้สัมภาษณ์ว่า “หากพลังงานของผม ส่งผลให้ผู้เล่นรู้สึกในแบบเดียวกัน ผมมองว่ามันเพียงพอแล้ว ในการพาสโมสรบรรลุเป้าหมาย”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คล็อปป์ ถือเป็นคนที่มีความมั่นใจ และก็จริงจัง ตามแบบฉบับของคนเยอรมัน อย่างไรก็ตาม คุณจะพบว่าเขาเป็นคนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และก็ไม่มีอีโก้สูง อ่านข่าวบอลที่น่าสนใจเพิ่มเติม
เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผู้คนไม่ต้องมองผมเป็นพระเยซู ผมไม่ได้เดินบนน้ำ ผมเป็นแค่ผู้จัดการทีมธรรมดาๆเท่านั้น”
คล็อปป์ มีความเชื่อเสมอว่า การทำงานหนัก ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ ที่จะช่วยไขไปสู่ความสำเร็จ โดยจากการศึกษาอย่างละเอียด พบว่าเขามีแผนการเติบโต มากกว่าแผนการแบบตายตัว
คล็อปป์ เชื่อมั่นว่า “ทุกคนจะเก่ง และเติบโตขึ้นได้อีก” และก็มีความเชื่อว่า ความสำเร็จเป็นผลมาจากความขยัน และความพยายาม มากกว่าการเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์
เขามองว่า ทุกความพ่ายแพ้คือ “โอกาส” ในการพัฒนาตัวเอง ไม่ได้มองเป็นอุปสรรคที่ข้ามผ่านไม่ได้เหมือนกับคนทั่วไป
“ทุกอย่างล้วนต้องการเวลาในการลงมือทำ หากคุณอยากสำเร็จในอนาคต คุณต้องเริ่มลงมือทำเดี๋ยวนี้” คล็อปป์ กล่าวแบบนั้น
เจอร์เก้น คล็อปป์ รับเครดิตอย่างมหาศาล จากสไตล์ที่โด่งดังไปทั่วโลกลูกหนังอย่าง “เกเก้น เพรสซิ่ง”
ระบบการเล่นดังกล่าว ถือว่ามีอิทธิพลสำคัญ ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากมาย พื้นฐานของมันคือการแย่งบอลกลับมาครองให้ได้ทันที หลังจากที่ทีมเสียบอลไป
หลังจากแย่งบอลกลับมาครอง ทีมก็จะเปิดฉากเกมรุกใส่ โดยไม่ให้คู่แข่งได้ทันตั้งตัว ส่งผลให้ทีมลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และดุดัน
แม้ว่าคล็อปป์ จะไม่ได้เป็นผู้คิดค้นระบบการเล่นแบบ “เกเก้น เพรสซิ่ง” กระนั้น เขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ อันเป็นผลมาจากการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง แทงบอลออนไลน์ UFABET
นี่คือแท็คติกที่มีความคล้าย และก็สอดคล้องกับบุคลิกภาพของเขา เมื่อแท็คติก และก็ความเชื่อ ถูกนำมาผสมกัน มันก็เกิดเป็นความลงตัว
คล็อปป์ กล่าวว่า นี่คือแท็คติกที่เปรียบเหมือนเคล็ดลับ ช่วยให้เขากลายมาเป็นกุนซือระดับแถวหน้าของโลก
“ความเร็ว และการจัดระเบียบ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก นักเตะทุกคนในทีม ควรรู้ถึงจังหวะการเล่นของตัวเอง”
นักเตะลิเวอร์พูล เดินตามแนวทางของคล็อปป์ ด้วยความเต็มใจ เพราะนี่คือผู้นำในแบบฉบับที่ลงมือทำให้ดูเป็นตัวอย่างเป็นคนแรก
“สิ่งผมสามารถพูดได้คือ ผมชอบใช้ชีวิตร่วมกับผู้คน ไม่ว่าคนนั้นจะมีข้อบกพร่อง หรือจุดแข็งอะไรก็ตาม”
“ผมชอบนั่งคิดเล่นๆเสมอว่า เพราะอะไรผมถึงชอบกีฬาฟุตบอล ? คำตอบที่ผมได้คือ ผมชอบฟุตบอลเอามากๆ เพราะนี่คือการทำงานร่วมกันเป็นทีม”
คล็อปป์ จึงเป็นที่รู้จักกันในนามผู้นำที่มีความเอาใจใส่ เขาแทบไม่พลาดการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนอกจากนักเตะ ภาพที่ปรากฏตามสื่อคือ คล็อปป์ ใส่ใจทุกคนในองค์กร
ความเป็นผู้นำในแบบฉบับของคล็อปป์ ยังส่งผลดีในเรื่องของการผลักดันเหล่านักเตะเยาวชนอีกด้วย เพราะมันคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา ส่งผลให้ดาวรุ่งจะตระหนักถึงหน้าที่ และก็ความรับผิดชอบ
ไม่น่าแปลกใจว่า นักเตะลิเวอร์พูล จะออกมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คล็อปป์ คือคนที่เท่าเทียม และก็ยุติธรรม