FOMC หรือ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มี มติ คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้
และ Fed จะ ปรับลด วงเงิน ในแผนการซื้อพันธบัตร ตามมาตรการ ผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่ เดือน พ.ย. โดย Fed จะปรับ ลด วงเงิน ซื้อพันธบัตร รัฐบาล สหรัฐ เดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และ ปรับลดวงเงิน ซื้อตราสารหนี้ ที่มีสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์
กา รลด วงเงิน QE ดังกล่าว จะทำให้ เฟด ยุติ การทำ QE โดย สิ้นเชิง ในกลางปี 2565
ที่ผ่าน มา เฟด ได้ทำ QE เดือน ละ 120,000 ล้าน ดอลลาร์ โดย เฟด ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ และก็ซื้อ ตราสารหนี้ MBS ใน วงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการกำหนด นโยบายการเงิน ได้ ออกมาพูด ว่า “Fed ดำเนินการดังกล่าว หลังจากที่เศรษฐกิจ มีความคืบหน้าอย่างมาก ในการไปสู่เป้าหมาย ของ เฟดนับตั้งแต่ เดือน ธ.ค.2563”
อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ ระบุว่า เฟดไม่ได้มีการดำเนินการ อย่างตายตัว และ เฟด จะทำการปรับมาตรการ หากมีความจำเป็น
“คณะกรรมการกำหนด นโยบายการเงิน ได้แสดง ความเห็น ว่า การปรับลดการซื้อพันธบัตร ในวงเงินที่เท่าๆ กัน ถือ ว่ามีความเหมาะสม ในแต่ละเดือน แต่ เฟดก็พร้อมที่จะปรับวงเงินการซื้อพันธบัตร หากมีการเปลี่ยนแปลง ต่อแนวโน้มทาง เศรษฐกิจ”
แถลงการณ์ระบุ
การประกาศคงอัตราค่าดอกเบี้ย รวมทั้ง การปรับลดวงเงิน QE ในวันนี้ สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณ หลายครั้ง ในช่วงที่ผ่านมา ว่า เฟด จะถอนมาตรการผ่อนคลาย ทางการเงิน ที่ เฟด ได้เริ่มใช้ใน เดือน มี.ค.2563 เพื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนั้น หลังจากที่ ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาด ของ โควิด-19
Federal Reserve (System) หรือFed
สิ่งนี้ มีผลกระทบ ต่อ ตลาดหุ้นไทย อย่างไร?