หอยแมลงภู่อบชีส สายซีฟู้ดต้องห้ามพลาดเมนูนี้ ท็อปปิ้งด้วยชีสแบบจุใจ

ประโยชน์ของ “ชีส”
บำรุงกระดูกให้แข็งแรง
ชีสเป็นอาหารที่ผลิตจากนม ดังนั้นเรื่องของแคลเซียมที่บำรุงกระดูกไม่ต้องพูดถึง เพราะชีสเชดด้าเพียง 100 กรัมก็มีปริมาณแคลเซียม ถึง 710 มิลลิกรัม ในขณะที่นมสด 1 แก้ว (244 กรัม) มีแคลเซียมเพียง 305 มิลลิกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ ชีสยังอุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินดี ที่ส่งผลดีต่อมวลกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดี
ป้องกันปัญหาฟันผุ
การวิจัยหนึ่งในประเทศฟินแลนด์ แสดงให้เห็นว่าการรับประทานชีสไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่ดีกับกระดูกเท่านั้น แต่เชื้อแบคทีเรียบางชนิดอย่างโปรไบโอติดที่อยู่ในชีสยังช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดฟันผุได้อีกด้วย โดยในการทดลองกับอาสาสมัคร 74 คน ในช่วงอายุ 18-35 ปี พบว่าเมื่อรับประทานชีสปริมาณ 75 กรัมต่อวันแล้ว ปริมาณเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของฟันผุ และยีสต์ที่เป็นสาเหตุของปัญหาช่องปากลดลงอย่างมากจนทำให้ความเสี่ยงปัญหาสุขภาพช่องปากลดลง
ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2010 แสดงให้เห็นว่าการรับประทานชีสจะทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันทรานส์ปลามิโทเลอิก (Trans-palmitoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์นม โดยกรดไขมันชนิดนี้สามารถลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้กว่า 60% ไม่เพียงเท่านั้น ชีสยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ระดับอินซูลิน ลดความเสี่ยงการอักเสบต่าง ๆ และเพิ่มความไวต่ออินซูลินได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากมากเกินไป จะทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

ส่วนผสม หอยแมลงภู่อบชีส
• หอยแมลงภู่ชิลี 100 กรัม
• เนยสด (วางไว้ในอุณหภูมิห้องจนนิ่ม) 3 ช้อนโต๊ะ (ใช้ชนิดจืดหรือเค็มก็ได้ตามความชอบ)
• พาร์สลีย์สด สับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
• กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น (เล็กน้อย) ประมาณ 1/4 ช้อนชา (ถ้าใช้เนยเค็มไม่ต้องใส่เกลือ)
• มอสซาเรลล่าชีสขูดฝอย 1 ถ้วย
วิธีทำ หอยแมลงภู่อบชีส
1. ผสมเนยสด พาร์สลีย์สับ กระเทียมสับ และเกลือป่นเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. นำหอยแมลงภู่วางลงในจานกระเบื้อง ตักส่วนผสมข้อ 1 โปะลงบนหอยแมลงภู่ เกลี่ยให้ทั่ว โรยมอสซาเรลล่าชีสขูดฝอยทับไปอีกชั้น
3. นำไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที หรือจนชีสเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง กินคู่กับผักสลัดหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดตามชอบ